วันที่ 30 เม.ย.64 พ.ต.อ.เอกภพ อินทวิวัฒน์ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบรี พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง ผกก.สภ.หนองปรือ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ภ.จว.ชลบุรี และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา นำหมายค้นของศาลจังหวัดพัทยา ที่ ค.49 /2567 ลงวันที่ 29 เม.ย.2567 เข้าตรวจค้นอาคารพรีวิลเลจสวีท เลขที่ 231/19 ถ.พัทยาสาย 2 หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ภายหลังสืบทราบว่าที่อาคารแห่งนี้ลักลอบเปิดเป็นที่ทำการปล่อยเงินกู้นอกระบบผ่านระบบแอพพลิเคชั่นชื่อ “360ยืมเงิน” และแอพ “ยืมเถอะ” และมีการติดตามทวงเงินจากผู้กู้ รวมถึงญาติและเพื่อนร่วมงานของลูกค้า เป็นเหตุให้ได้รับความเดือดร้อน
จากการตรวจค้นพบ นายหวัง เป่ย (Mr.Wang Pei ) อายุ33 ปี สัญชาติจีน ถือหนังสือเดินทางจีนเลขที่ E32455479 แสดงตนเป็นผู้ดูแล จึงแสดงหมายก่อนทำการตรวจค้นบนชั้น 2 ของอาคารพบพนักงานคนไทย ทั้งชายและหญิงรวมจำนวน 39 คน กำลังทำงานอยู่ ซึ่งจากการสอบถามพนักงานชาวไทยให้การว่า ได้รับการว่าจ้างจาก นายหวังฯ มาทำงานในหน้าที่ต่างๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายหาลูกค้า, ฝ่ายพิจารณาเอกสารของลูกค้าที่เข้าไปยืมเงินผ่านแอพพลิเคชั่น, ฝ่ายยืนยันการยืมครั้งสุดท้ายกับลูกค้า, ฝ่ายทวงถามเงินกู้, และฝ่ายตรวจสอบบัญชี โดยจะได้รับเงินเดือนเริ่มต้นที่ 10,000 บาท และเมื่อผ่านโปรเดือนแรกก็จะได้รับเงินเดือน 12,000 บาท พร้อมเบี้ยขยันอีก 2,000 บาท
นอกจากนี้ในรายละเอียดการกู้ยืมเงินของลูกค้าในแต่ละราย จะต้องยื่นกู้อย่างต่ำ 2,500 บาท ต่อ 7 วัน เมื่อเงินกู้อนุมัติ ลูกค้าก็จะถูกหักดอกเบี้ย และค่าดำเนินการต่างๆ จำนวน 1,002 บาท คงเหลือเงินเข้าบัญชีลูกค้า 1,498 บาท คิดเป็นดอกเบี้ยร้อยละ 5.725 ต่อวัน หรือประมาณ ร้อยละ 2,090 ต่อปี เบื้องต้นจึงตรวจยึดของกลาง เป็นคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค จำนวน 39 เครื่อง , โทรศัพท์มือถือ 39 เครื่อง พร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้อง
สอบถามนายหวังฯ ให้การว่าตนได้รับการว่าจ้างจากนายทุนชาวจีน ชื่อนายเฉิน ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง เดือนละ 10,000 หยวน ให้เป็นผู้ดำเนินการหาเช่าสถานที่ และจัดซื้ออุปกรณ์การทำงานให้กับพนักงาน โดยนายเฉิน จะเป็นคนโอนเงินค่าใช้จ่ายต่างๆ และมีพนักงานคนไทย ทำหน้าที่ฝ่ายบุคคลรับสมัครคนมาทำงาน ซึ่งในแต่ละวัน จะมีลูกค้าที่สนใจสมัครเข้าขอกู้ยืมเงินจากทั้งสองแอพฯ วันละประมาณ 1,000 ราย มูลค่าวงเงินที่ปล่อยกู้ในแต่ละวันประมาณ 2-3 ล้านบาท
ภายหลังการสอบสวนเบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อโดยไม่ได้รับอนุญาติ , ร่วมกันเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันประกอบธุรกิจทวงหนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัดหรือ กระทำการดังกล่าวอันเป็นการฝ่าฝืนต่อ พรก.ฉุกเฉิน และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อ จังหวัดชลบุรีที่ ๑๙/๒๕๖๔ ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการใดๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะเป็นเหตุให้โรคแพร่ออกไป” ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
#จับแก๊งเงินกู้
#กู้เงินผ่านแอปพลิเคชัน
#ตะลุยข่าว4ภาค
